พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.)เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ออกคำสั่ง เรื่อง มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการบุคลากรภาครัฐ เพื่อประโยชน์การปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดิน ขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล แก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน ปราศจากการทุจริต โดยกำหนดประเมินประสิทธิภาพส่วนราชการและข้าราชการพลเรือนที่ปฏิบัติงานประจำนั้น การประเมินข้าราชการระดับ 10 และ 11 รัฐบาลมีกรอบการประเมินอยู่แล้ว แต่ระดับ 9 ลงมาต้องมาวางกรอบกันเอง ซึ่งในส่วนของ ศธ.ตนได้มอบให้สำนักอำนวยการสำนักงานปลัด ศธ.ไปออกแบบการประเมินแล้ว
          รมว.ศธ.กล่าวว่า ถือเป็นมิติใหม่ในการประเมินเพราะมีหัวใจหลัก คือ งาน วัดกันที่ผลงาน ระบบเส้นสายจะลดลงเพราะถูกฟ้องด้วยงาน ซึ่งนายกฯมองเรื่องการประเมินลึกไปถึงว่า การทำงานต้องทำให้คนที่ร่วมงานรักด้วย ไม่ใช่ผลงานเด่นแต่คนเกลียดหมด การประเมินจะต้องดูทั้งไอคิวและอีคิว ไม่ใช่เก่งโดดอยู่คนเดียว หัวข้อวิธีการที่จะประเมินต้องตอบโจทย์ทั้งหมด โดยเกณฑ์ประเมินจะดูทั้งงานประจำและงานพิเศษที่ได้รับมอบหมาย และใช้กับทั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยไม่ใช่ใช้แต่กับข้าราชการพลเรือน
          "นอกจากนี้เรื่องที่ผมยังเฝ้ารอและคิดว่า ล่าช้า ไม่ทันใจ คือ การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการเข้าสู่ตำแหน่ง ผอ.และ รองผอ.สถานศึกษา ที่เดิมจะดูจากวุฒิการศึกษาและการสอบเข้าสู่ตำแหน่ง ซึ่งพูดกันแล้วว่า การใช้ข้อสอบ 300 ข้อยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ได้คนเก่ง ดังนั้นเกณฑ์ประเมินใหม่ต้องมีมากกว่าการสอบ รวมถึงต้องพูดถึงประสบการณ์ในการบริหารโรงเรียนด้วย โดยเกณฑ์ใหม่จะต้องตอบโจทย์และแก้ปัญหาทั้งหมดได้ ซึ่งผมได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปดำเนินการและนำมา เสนอในการประชุม ก.ค.ศ.ครั้งต่อไปแล้ว" พล.อ. ดาว์พงษ์กล่าว--จบ--

          ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์