เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานการปฏิรูประบบการประเมินและประกันคุณภาพการศึกษา ร่วมกับคณะกรรมการการประกันคุณภาพภายในของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)และรศ.ดร.นภดล ร่มโพธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินวัดผลองค์กร ว่าที่ประชุมมีข้อสรุปร่วมกันว่า การประกันคุณภาพการศึกษาต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆและบริบทของสถานศึกษาซึ่งมีความแตกต่างกัน อาทิ งบประมาณ การบริหารบุคลากร และต้องรู้ว่ารูปแบบสถานศึกษาที่ประสบความสำเร็จสถานศึกษาที่ดีเป็นอย่างไร เพราะไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบเดียวกัน และการประเมินต้องมีตัวชี้วัดที่ง่าย
          นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้นต่อไปโรงเรียนขนาดเล็กและขนาดใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวบ่งชี้และมาตรฐานแบบเดียวกัน การประเมินจะขึ้นอยู่กับภารกิจของสถานศึกษานั้นๆ เช่นเดียวกับการตัดเสื้อผ้าที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล ก็ไม่เหมือนกัน อีกทั้งการประเมินต้องดีขึ้น ผู้ถูกประเมินรู้สึกได้ประโยชน์ไม่ใช่ถูกทดสอบ และกระทรวงศึกษาธิการสามารถนำผลมาพัฒนาได้
          ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดแผนการดำเนินงานหรือโรดแม็พ ระยะเวลา 9 เดือน โดยในช่วง 3 เดือนแรกจะต้องได้ตัวชี้วัดความสำเร็จ หรือ เคพีไอ ของการประกันคุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก จากนั้น 3 เดือน ถัดมาคณะทำงานจะทำงานร่วมกับสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.)อย่างเต็มที่เพื่อให้ตัวบ่งชี้และวิธีการประเมินคุณภาพภายนอกไปด้วยกัน และ 3 เดือนสุดท้ายจะเป็นช่วงเวลาการทดสอบ ทั้งนี้ ยืนยันว่าแม้จะมีการกำหนดโรดแม็พไว้ 9 เดือน แต่ถ้าทำออกมาแล้ววิธีการและตัวประเมินยังออกมาแบบเดิมๆไม่มีประโยชน์ก็จะขยายเวลาโรดแม็พ ต้องทำให้ดีก่อนจึงจะถือว่าการปฏิรูประบบการประเมินเสร็จสิ้นลง--จบ--

          --คมชัดลึก ฉบับวันที่ 18 พ.ย. 2558 (กรอบบ่าย)--