บิ๊กหนุ่ยขีดเส้น’สพฐ.’วางกิจกรรมหลังเรียนนำร่องแน่’3,500 ร.ร.’ 

'ดาว์พงษ์'นำร่อง 3,500 ร.ร. ดีเดย์ 1 พ.ย. ขีดเส้น สพฐ.วางกรอบกิจกรรมหลังเลิกเรียนวิชาการ 7 กันยายน
          เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมหารือนโยบายการปรับลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ร่วมกับนายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รายงานแผนการดำเนินงานที่วางไว้ ทั้งการปรับโครงสร้างเวลา ลดจำนวนชั่วโมงเรียน และรายวิชาที่จะปรับลด ซึ่งต้องไม่ส่งผลกระทบกับการเรียนในวิชาหลัก และเพิ่มกิจกรรมให้เด็กได้ทำในช่วงบ่าย รวมถึงให้ไปกำหนดมาตรการการดูแลความปลอดภัยของเด็กในช่วงที่ทำกิจกรรมนอกห้องเรียนด้วย ทั้งนี้ในส่วนของกิจกรรมที่จะให้เด็กทำนั้น สพฐ.จะกำหนดไว้เป็นกรอบกว้างๆ ให้เหมาะสมกับโรงเรียนในแต่ละพื้นที่ โดยโรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษาจะต้องเลือกจัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ แต่ละกิจกรรมไม่จำเป็นต้องทำซ้ำตลอดทั้งปี แต่สามารถสับเปลี่ยนหมุนเวียนได้ตามความเหมาะสม อาทิ เดือนนี้อาจเรียนทำกับข้าว เดือนถัดไปอาจเชิญปราชญ์ชาวบ้านมาให้ความรู้เรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น โดยได้มอบการบ้านให้ สพฐ.จัดทำรายละเอียดให้ชัดเจน ก่อนเสนอให้ตนพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 7 กันยายน จากนั้นจะต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริหารสถานศึกษาและครูในโรงเรียนนำร่องทั้ง 3,500 โรงเรียนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 ตุลาคม เพื่อให้ครูมีเวลาเตรียมความพร้อมจัดการเรียนการสอนให้ทันในวันที่ 1 พฤศจิกายน
          "ที่ผ่านมาสังคมเข้าใจว่า ลดเวลาเรียน 5 วิชาหลัก และย้ายอีก 3 กลุ่มสาระ คือ การงานอาชีพและเทคโนโลยี สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ ไปเรียนในช่วงบ่ายนั้น ความจริงไม่ใช่ เป็นคนละแบบ เพราะที่ ศธ.จะทำคือฝึกการเรียนรู้ให้กับเด็ก ให้เขาได้อยู่กับสังคม ต่อสู้ในสังคมได้ เป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่ง ศธ.จะต้องไปหารูปแบบกิจกรรมที่ทำให้เด็กรู้สึกอยากจะทำ และมีความสุขที่ได้ทำ พ่อแม่ผู้ปกครองก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เรื่องนี้มีการดำเนินงานมาก่อนที่ผมจะเข้ามาเป็น รมว.ศธ. ซึ่งผมก็มาดำเนินการต่อ และค่อยๆ กระชับไปเรื่อยๆ มั่นใจว่าจะทำให้เด็กเรียนอย่างมีความสุข ซึ่งต้องรอดูกิจกรรมที่ สพฐ.จะไปวางกรอบก่อน โดยได้ให้การบ้านว่าจะต้องเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เพื่อตอบโจทย์นายกรัฐมนตรีที่ว่าจะต้องทำให้เด็กได้เรียนอย่างมีความสุข รวมถึงผู้ปกครองและครูก็ต้องมีความสุขด้วย" พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าว และว่า ยืนยันว่าการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ไม่ได้ให้เด็กกลับบ้านหลังเรียนวิชาการ แต่เด็กจะต้องทำกิจกรรมและอยู่ในโรงเรียนจนถึงเวลาเลิกเรียน หากนักเรียนจะกลับบ้าน ผู้ปกครองจะต้องมาขออนุญาตจากทางโรงเรียนเป็นรายๆ ไป
          ผู้สื่อข่าวถามว่า หากลดเวลาเรียนวิชาหลัก และเด็กเรียนอ่อนลง จะแก้ไขตรงจุดนี้อย่างไร พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า จริงๆ กิจกรรมช่วงบ่ายจะมีกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาเด็กที่มีปัญหาลักษณะนี้ด้วย ส่วนหากผู้ปกครองจะให้เด็กไปเรียนพิเศษแทนนั้นก็คงไปห้ามไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นค่านิยม ไม่สามารถไปคิดแทนผู้ปกครองได้ แต่เชื่อว่าถ้าเราจัดระบบการศึกษาที่ดีจริงและผู้ปกครองมีความมั่นใจกับสิ่งที่ ศธ.ดำเนินการ ก็จะไม่พาลูกไปเรียนพิเศษนอกเวลา แต่ทั้งหมดต้องใช้เวลา การทำเรื่องนี้คงไม่สามารถตอบคำถามได้ภายใน 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี จำเป็นต้องใช้เวลา ถึงจะเห็นผล ที่ชัดเจน
          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ใครไปพูดเลิกเรียนบ่ายสองก็ไม่รู้ ตนเห็นหนังสือพิมพ์เขียนลดถึงบ่ายสอง การเลิกเรียนนั้นแล้วแต่โรงเรียน ไปบังคับไม่ได้ เพียงแต่ต้องการให้มีเวลาในช่วงบ่าย เพื่อให้เด็กมีเวลาอยู่ด้วยกัน มีเวลาเอาเรื่องมาวิเคราะห์วิจารณ์กัน ไปอ่านหนังสือนอกเวลา หรือไม่ก็สอนวิธีการนำสิ่งที่เรียนมาไปทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์ เพราะหากเรียนหนังสืออย่างเดียว ทำงานไม่เป็นอีก ไม่รู้จะนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างไร ท่องตำราได้เพียงอย่างเดียวไม่ได้ จึงบอกว่าการเรียนมี 2 อย่างที่ไปด้วยกันคือ เรียนเพื่อได้ความรู้ เพื่อสอบ เพื่อใบปริญญา ตนไม่ขัดข้อง แต่คำว่าเรียนรู้คือรู้ว่าจะใช้ชีวิตวันข้างหน้าอย่างไร ต้องนำสิ่งนี้มาประกอบกัน
          พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่รับฟังจากภายนอก ปัญหาอยู่ที่เด็ก ครู ผู้ปกครอง ระบบบริหารจัดการศึกษา เงินในการพัฒนาการศึกษา ส่วนเด็กจะไม่มีความสุขก็คือเวลาที่เครียด เรียนเช้าถึงเย็น มีการบ้าน แล้วมีเรียนพิเศษอีก ความหมายของตนคือไม่ใช่ลดเวลาลงแล้วกลับบ้าน บางคนเขียนว่าพ่อแม่จะเป็นภาระ เดี๋ยวเด็กไปติดยาอะไรอีก ไปเล่นเกม ใครจะให้ปล่อยกลับบ้านแบบนั้น ประเทศไหนเขาทำ เพียงแต่เวลาที่เหลืออยู่ คาบวิชาเรียนหรือสาระวิชา 8 สาระ ควรจะลดตรงไหนลงบ้าง เพราะหลายอย่างต้องใช้ในการแข่งขัน การสัมภาษณ์ การทัดเทียมต่างประเทศ ก็มีอยู่ แต่บ้านเราต้องเสริมอย่างอื่นด้วย คือ การปลูกฝังอุดมการณ์ สร้างจิตสำนึก สร้างกระบวนการ สร้างวิสัยทัศน์ สร้างความรักกันในหมู่คณะ การเสียสละ และอีกมากมาย ไม่อย่างนั้นก็คิดไม่ค่อยเป็น เพราะท่องตำราอย่างเดียว เรียนจากครูโรงเรียน ครูกูเกิล เฟซบุ๊ก แต่ทั้งนี้มันก็จำเป็น เพราะใครไม่มีโทรศัพท์บ้าง
          นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.พร้อมรับนโยบายดังกล่าว เพื่อนำมาดำเนินการที่โรงเรียนสังกัด กทม. ซึ่ง กทม.ได้ตระหนักเรื่องการปรับเปลี่ยนเวลาเรียนในห้องเรียนอยู่แล้ว เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ทำกิจกรรมนอกห้องเรียน โดยที่ผ่านมา โรงเรียนในสังกัด กทม.ได้มีการจัดทำโครงการบูรณาการกลุ่มสาระการเรียนรู้ อาทิ กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เป็นต้น โดยครูผู้สอนจะร่วมกันจัดกิจกรรมนอกห้องเรียน ซึ่งจะสอดแทรกการเรียนการสอน ไว้ด้วยกัน
          นายสุวิทย์ มูลคำ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 1 กล่าวว่า เบื้องต้นตามเกณฑ์คือแต่ละเขตพื้นที่จะจัดโรงเรียนนำร่อง 10% นนทบุรีเขต 1 มี 32 โรงเรียนจะมี 3 โรงเรียนนำร่อง คือ โรงเรียนอนุบาลนนทบุรี โรงเรียนอนุบาลบางกรวย และโรงเรียนประชาอุปถัมภ์ คอนเซ็ปต์คือจะลดวิชาหลัก คือวิชาหลักต่างๆ ต้องเรียนจบภายใน 14.00 น. แต่ไม่ได้ปล่อยเด็กกลับบ้าน แต่จะพัฒนาผู้เรียนนอกห้องเรียนทักษะชีวิตให้มากขึ้น เรื่องของค่านิยม 12 ประการ ลูกเสือ วินัยต่างๆ ครูเองก็ต้องทำแผนว่าตั้งแต่บ่าย 2 โมงจนถึงโรงเรียนเลิกมีแผนพัฒนาผู้เรียนอย่างไร จะเพิ่มทักษะชีวิตให้มากขึ้น ขณะนี้โรงเรียนทั้ง 3 แห่งยังไม่ได้ส่งแผนการสอนมา เพราะเกณฑ์เพิ่งออกมา กำลังรอส่วนกลางว่าจะให้เริ่มเมื่อใด
          นายนิคม สินธุพงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า หาก สพฐ.เลือกให้เป็น 1 ใน 10% ของ 43 โรงเรียนที่อยู่ในเกณฑ์คัดเลือก เชื่อว่าเด็กชอบ จากเดิมที่เรียนคละกันไปทั้งวัน จะมีการหารือกับครูด้านวิชาการเพื่อมาดูหลักสูตรที่กำหนดไว้ โดยช่วงเช้าถึง 14.00 น. จะเน้นเชิงวิชาการ หลังจากนั้นจะบูรณาการเชิงการเรียนรู้ เช่น ศิลปะ การงานอาชีพ การเรียนรู้นอกห้องเรียน เชียงใหม่ของเรา ไม่น่าห่วงเรื่องวิชาการจะอ่อนลงเพราะหลักสูตรครบถ้วนอยู่แล้วแค่ปรับเวลา
          นายมานิตย ขันธสีมา เลขาธิการสมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเพราะความจริงโรงเรียนก็เลิก 4-5 โมงอยู่ดี แต่อยู่ที่วิธีการจัดการต่างหาก เพราะช่วงเช้าแต่ละโรงเรียนก็เน้นวิชาการเป็นหลัก แต่หลัง 14.30 น. จะเป็นวิชาลูกเสือ เนตรนารี บำเพ็ญประโยชน์ เรียกว่า แทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย ประเทศไทยไม่เหมือนต่างประเทศที่เรียนครึ่งวันแล้วกลับบ้านนอน ของไทยเลิกเร็วผู้ปกครองมารับไม่ได้ หากมีการปรับเวลาก็อยากให้นำสิ่งที่เคยต้องไปเรียนนอกหลักสูตรมาใส่ เช่น ยิมนาสติก เทควันโด มาบรรจุในแผนเลยไม่ต้องไปเสียเงินข้างนอกเพิ่ม
          นายณรงค์ แป้นเกลี้ยง รองผู้อำนวยการโรงเรียน รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าขณะนี้ยังทราบเพียงแต่ข่าวที่ออกมา ทางโรงเรียนยังต้องรอนโยบายที่ชัดเจนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 16 ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรในทิศทางไหน ทำให้ไม่สามารถบอกอะไรที่ชัดเจนได้ ซึ่งเมื่อนโยบายให้ดำเนินการอย่างไรโรงเรียนก็พร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายนั้นๆ
--จบ--

          --มติชน ฉบับวันที่ 2 ก.ย. 2558 (กรอบบ่าย)--