ชงกฎหมายซูเปอร์บอร์ดเข้าบอร์ดปฏิรูปการศึกษา 18 มี.ค. 

ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์  ประธานคณะอนุกรรมการปฎิรูปการศึกษาด้านกฎหมาย เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการปฎิรูปการศึกษา ที่มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการเป็นประธานซึ่งจะมีการประชุมวันที่ 18 มีนาคมนี้ คณะอนุกรรมการเตรียมเสนอกฎหมายซูเปอร์บอร์ด หรือร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แห่งชาติ เข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดอำนวยการปฎิรูปการศึกษา โดยมี 2 ร่างกฎหมายดังกล่าว
          ศ.วิริยะ กล่าวต่อมา   ตามบทบัญญัติของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น จะต้องมีการยกร่างกฎหมายการศึกษาขึ้นมา 4 ฉบับ อย่างเร่งด่วน ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายการศึกษาและพัฒนามนุษย์แห่งชาติ ร่าง พ.ร.บ.สถาบันวิจัยระบบการศึกษา ร่าง พ.ร.บ.หลักประกันการศึกษาแห่งชาติ  และ ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมสถานศึกษานิติบุคคล รวมถึงปรับแก้กฎหมายอีก 5 ฉบับ คือ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ร.บ.ระเบียบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง  ทบวง กรม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และพ.ร.บ.อาชีวศึกษา ภาระยกร่างกฎหมายเหล่านี้อยู่ที่คณะกรรมการอำนวยการปฎิรูปการศึกษาของ ศธ.ซึ่งเป็นแม่น้ำ 5 สายหลัก
          "ส่วนร่างกฎหมายซูเปอร์บอร์ดยกร่างเสร็จแล้ว มี 2 ฉบับ ฉบับแรกยกร่างโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) อีกฉบับยกร่างโดยคณะอนุกรรมการ ซึ่งยกร่างตามแนวทางของสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งร่างของ สกสศ.ให้ซูเปอร์บอรด์มีฐานะเป็นส่วนราชการระดับกรมอยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ส่วนอีกร่างให้ซูเปอร์บอรด์เป็นหน่วยงานอิสระที่ไม่เป็นส่วนราชการ อยู่ในกำกับของนายกฯ ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน  คณะอนุกรรมการจึงต้องการให้บอร์ดอำนวยการปฎิรูปการศึกษาเป็นผู้ตัดสินใจเลือก โดยจะชี้แจงจุดดีและข้อจำกัดของทั้ง2 รูปแบบ" ศ.วิริยะ กล่าว
          ด้าน ดร.สิริกร มณีรินทร์ กรรมการอำนวยการปฎิรูปการศึกษา กล่าวว่า โดยเจตนารมณ์ของการตั้งซูเปอร์บอร์ดขึ้นมานั้น เพราะเห็นว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณภาพการศึกษาไทยตกต่ำ เพราะนโยบายการศึกษาเปลี่ยนแปลงบ่อยตามการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีศึกษาฯ จึงต้องการให้แยกฝ่ายนโยบายออกจากฝ่ายบริหาร และมีเสนอเงื่อนไขว่าซูเปอร์บอร์ดต้องมีกรรมการที่ทำงานได้เต็มเวลาไม่น้อยกว่า 5 คน จากทั้งหมด 18-20 คน--จบ--

          ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก